คุยกับท่านรอง ชัยพฤกษ์ เรื่อง kindle

ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่่ผ่านมา ดิฉันได้มีโอกาสคุยกับบุคคลสำคัญในวงการไอทีของการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่องโลกการอ่านในอนาคต ด้วยเครื่อง Kindle เเละ Ebook คะ เก็บภาพมาฝากเล็กน้อยคะ

Ipad คือ อะไร

                                    

เราสรุปได้ว่า iPad คือ คอมพิวเตอร์ เเบบ tablet คือ บางๆ ที่เพิ่งเปิดตัวในปลายเดือน มกราคม 2010 ว่ามีรูปเเบบการใช้งานเหมือนกับ iPod Touch เเละ วิ่งอยู่บนระบบ iPhone OS เเละ applications อื่นๆของapple.  ความบ้าของ iPad คือ เป็นการรวมรูปเเบบการใช้งานของ iPhone เเละ Ebook Reader เขเสด้วยกัน ราคาประมาณ 20000 กว่าๆ คะ ก็ใกล้ๆกับ kindle คะ 
จากเเหล่งข้อมูล http://www.apple.com/ เเละ http://en.wikipedia.org/wiki/Ipad

เครื่องคินเดิ้ล มีในหลากหลายรูปเเบบคะ

จริงๆ ถ้าหากพูดถึงคำว่า คินเดิ้ล ทุกคนจะไปคิดว่า เป็นเครื่อง เเต่จริงๆ เเล้ว คำว่า kindle เเปลว่า กำเนิด หรือ คลอดลูก หรือ จุดไฟ หรือ กระตุ้นอารมณ์ เอาเป็นว่า อย่าคิดมาก kindle คือ การอ่านหนังสือคะ
จาก ลิงก์นี้ิ http://en.wikipedia.org/wiki/The_kindle   เรารู้ได้เเน่ว่า
Amazon Kindle เเปลว่า ซอฟเเวร์ เเละ ฮาร์ดเเวร์ ประเภทหนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นมา โดย อะเมซอนเพื่อที่จะเเสดงผล พวก อีบุ๊ค เเละ สื่อดิจิตัลมีเดียอื่น เช่น บล๊อก ตัวซอฟแวร์ คินเดิ้ล มีการพัฒนาบนไอโฟน วินโดว์ เเละ Blackberry ส่วน Mac รอไปก่อนคะ


Amazon Kindle is a software and hardware platform developed by Amazon.com subsidiary Lab126 for rendering and displaying e-books and other digital media.^[1] Three hardware devices, known as "Kindle," "Kindle 2," and "Kindle DX" support this platform. Kindle software applications exist for Windows, iPhone OS, and BlackBerry, with a Mac OS X version in development. The first hardware device was released in the United States on November 19, 2007.
The Kindle hardware device uses an E Ink brand electronic paper display, and is able to download content over Amazon Whispernet using the Sprint EVDO in the USA or, for newer Kindle 2 devices, AT&T's network which also works internationally.^[2] The Kindle hardware device can be used without a computer, and Amazon Whispernet is accessible without any monthly fee.^[3] These devices also provide free access to the internet. Kindle devices sold prior to October 19, 2009 were sold only in the United States.^[4] On October 7, 2009, Amazon announced an international version of the Kindle 2 with a built-in 3G (HSDPA) and EDGE/GSM wireless modem for connectivity in over 100 countries. This international version went on sale October 19, 2009 worldwide.^[5]
On March 3, 2009, Amazon.com launched an application called Kindle for iPhone in the App Store, allowing iPhone and iPod Touch owners to read Kindle content on those devices. Through a technology termed "Whispersync," customers can synchronize reading progress, bookmarks, and other information across Kindle hardware devices and other mobile devices.^[6][7]
Amazon announced the Kindle DX on May 6, 2009. This device has a larger screen than its predecessors and supports PDF files natively. It is marketed as more suitable for displaying newspaper and textbook content.^[8]
Amazon has released Kindle for PC as a free software download, allowing users to read Kindle books on a Windows PC.^[9]

Amazon Kindle เครื่องคินเดิ้ล

หากท่านเห็นเครื่องๆ นี้ ท่านอย่าตกใจคะ มันเป็นเครื่องที่ผลิตโดย Amazon Kindle ซึ่งมีอยู่หลาย version คะ เครื่องเล็ก ก็อยู่ประมาณ หมื่นต้นๆ ส่วนเครื่องใหญ่จะราวๆ สองหมื่นต้น
ลองเข้าไปดู http://www.amazon.com/dp/B0015T963C

ลิงก์นี้จะ เเสดงให้ท่านเห็นว่า ลักษณะเครื่องเป็นอย่างไรคะ

การอ่านในโลกอนาคต (The future of Reading)

การอ่านในโลกอนาคต คือ อะไร ในความคิดของดิฉัน การอ่านของโลกอนาคต เป็นในรูป เเบบลูกผสมระหว่าง รูป เเละ เสียง หมายความว่า อะไรคะ หมายถึง ทุกที่ที่ท่านย่างก้าวไป จะมีทุกอย่างที่ท่านอ่านได้ นั่นหมายความว่า โลกทั้งใบ จะมี trend ของการ Convergence หรือ เรียกว่า ผสมผสานระหว่าง โลก Offline เเละ โลกออนไลน์  ท่านสามารถอ่านหนังสือที่เป็นกระดาษในโลกออนไลน์​ในรูปเเบบของ Ebook เเละ Emagazine ทั้งสองสิ่ง เริ่มมานานพอดูเเล้วคะ เเต่ว่า ยังไม่ได้ทำเเบบเต็มรูปเเบบ ในโลกที่คนพยายามจะประหยัดกระดาษ หรือ save the world ทุกอย่างจะถูกตีพิมพ์ ทาง Electronic เพื่อลดต้นทุน เเละ เคร่ื่องมือ อย่างKindle, Ipad, Iphone, PCS จะถูกนำมาใช้ เเละยื่งไปกว่านั้น จะมีทั้งเสียง มีทั้งรูป มีทั้งเครื่องมือทุกชนิด พร้อมกับ Chat เเละ เครื่องขายสังคม อย่าง facebook เเละ twitter ติดอย่างครบครันเอาเป็นว่า ท่านอ่านไป ถ้าสนุก ก็ chat กับเพื่อนไป share ข้อมูลกันไป ตอนนี้เราเริ่มทำได้บ้างเเล้ว เเต่ต่อไป คิดว่า จะมีเครื่องมือ อะไรที่น่าตื่นเต้นกว่านี้ เเต่ยังนึกไม่ออกว่า จะเป็นอะไร